"จอเบิร์น" ส่งผลอะไรกับสมาร์ทโฟนของคุณ
อัปเดตเมื่อ 30 พ.ย. 2565
รู้จักอาการ

และวิธีป้องกันแบบง่ายๆ
หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “จอเบิร์น” บ่อย เพราะสมาร์ทโฟนเรือธงหลายรุ่นกำลังประสบปัญหานี้อยู่
ที่กำลังเป็นประเด็นในประเทศและต่างประเทศกันอยู่ในขณะนี้ จริงๆ แล้วปัญหาจอเบิร์นเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มานาน
แต่อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่สำหรับใครหลายๆคน ในวันนี้เราจึงขออาสาพาทุกท่านไปรู้จักกับปัญหานี้กันครับ
อาการจอเบิร์น หรือ burn-in เป็นอาการผิดปกติของหน้าจอที่พบได้ตั้งแต่จอ CRT เครื่องใหญ่ๆ
ในสมัยก่อนไปจนถึงจอ OLED ในปัจจุบัน โดยภาพที่แสดงบนจอจะทิ้งรอยจางๆ เอาไว้แม้จะเปลี่ยนไปแสดงภาพอื่นแล้วก็ตาม
ซึ่งมีสาเหตุมาจากการปล่อยหน้าจอให้แสดงผลภาพนิ่งค้างไว้นานเกินไป ทำให้เม็ดพิกเซลในบริเวณดังกล่าวสว่างนานกว่าที่อื่นและเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
(และนี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมี screen saver) อาการจอเบิร์นบนสมาร์ทโฟน Pixel สังเกตที่รอยแถบ นำทางหรือภาพซ้อน
ในบางกรณี อาการจอเบิร์นอาจหายไปได้เองเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นอย่างถาวร เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้ครับ
ไม่อยากจอเบิร์น ทำอย่างไร?
ปัญหาจอเบิร์นเป็นปัญหาที่แก้ยากแต่ป้องกันง่ายด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ดังต่อไปนี้ครับ
1. หลีกเลี่ยงการแสดงภาพนิ่งติดต่อกันนานๆ เช่นเปิดหน้าจอ GPS ทิ้งไว้แต่ไม่ได้ขยับไปไหน หรือเล่นเกมที่มีหน้า UI
บางส่วนอยู่ในตำแหน่งเดิมตลอดเป็นเวลานานๆ พยายามสลับจอไปดูอย่างอื่นบ้างเป็นพักๆ
2. ปิดหน้าจอเมื่อไม่ใช้งาน นอกจากจะป้องกันจอเบิร์นแล้วยังช่วยประหยัดแบตได้อีกด้วย
3. ตั้งค่าปิดหน้าจออัตโนมัติ โดยอาจตั้งไว้ที่ 2 ถึง 5 นาที
4. หลีกเลี่ยงการใช้งานหน้าจอโดยปรับความสว่างสูงสุดเป็นเวลานานๆ หรือจะให้ดีควรเปิดโหมดปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ
ปัญหาจอเบิร์นสามารถเกิดขึ้นได้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่น แม้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ จะเริ่มมีฟังก์ชันป้องกันจอเบิร์นแล้ว แต่ก็การที่เราระมัดระวังไว้ก่อน
ยังไงก็ปลอดภัยกว่าครับ
Comments